เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๕ เม.ย. ๒๕๔๖

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๔๖
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

โลก เห็นไหม เวลาโลกเราเกิดขึ้นมาแล้วต้องพยายามศึกษาหาความรู้ เพื่อจะให้พึ่งตนเองได้ ทุกคนต้องพึ่งตนเองได้ ถ้าพึ่งตนเองได้ พ่อแม่นี่ลูกพึ่งตนเองได้จะมีความสุขมาก ลูกเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงทุกอย่าง โลกเป็นแบบนั้น มีความสุขกันในครอบครัวว่าเป็นไปได้ การพึ่งตนเอง

แต่การจะพึ่งตนเอง เกิดมาทุกคนต้องมีการศึกษา ต้องหาวิชาชีพเพื่อจะไปยืนอยู่ในสังคมโลกเขาให้ได้ วิชาชีพนี่เพื่อจะเลี้ยงตัวเอง เห็นไหม การเลี้ยงตัวเอง การประสบความสำเร็จ การเลี้ยงตัวเอง อย่างนี้ทางโลกเขาเห็นว่าอันนี้เป็นความว่าเจริญรุ่งเรืองแล้ว เป็นความสำเร็จแล้ว นั้นเป็นความคิดของโลก เห็นไหม พึ่งตนเอง

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพึ่งตนเองได้เพราะอะไร? เพราะท่านเป็นกษัตริย์ คนที่เป็นกษัตริย์ต้องการอะไรก็ได้สิ่งนั้น แต่เห็นว่าสิ่งนี้มันเป็นการผูกพันอยู่ เป็นการผูกมัดอยู่ว่าให้หมุนเวียนไปในกระแสของโลก มันยังหมุนเวียนไปในกระแสของโลก จะมีทางใดที่จะออกไปมากไปกว่านี้

คนเราเกิดมาแล้วต้องตายทั้งหมด เห็นไหม จะประสบความสำเร็จขนาดไหนก็ต้องตายไป แม้แต่จักรพรรดิ แม้แต่มหากษัตริย์ขนาดไหนที่ว่าประสบความสำเร็จในโลกก็ต้องตายไป มันหมุนเวียนไป มันเป็นสิ่งที่ว่าถ้าโลกว่าอย่างนี้เป็นการเชิดชูสังคม เป็นการช่วยเหลือกัน

แต่ถ้าการออกประพฤติปฏิบัติจะเป็นการเห็นแก่ตัว เป็นการที่ว่าไม่รับรู้สังคม อันนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสละสิ่งนั้นมาเพื่ออะไร? เพื่อจะกลับไปเอาพ่อนะ พระเจ้าสุทโธทนะก็เป็นพระอรหันต์ขึ้นมา เทศน์ก่อน สอนขึ้นมาเป็นพระอนาคามี สุดท้ายแล้วพอป่วยไข้ เทศน์สุดท้ายสำเร็จเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา

ในพระไตรปิฎกมีนะ เป็นคฤหัสถ์แล้วที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์มี พาหิยะก็เหมือนกัน เป็นคฤหัสถ์อยู่เป็นพระอรหันต์ขึ้นมา แต่หาบาตรบวชไม่ทัน นั้นเป็นพระอรหันต์ พระอรหันต์คือว่าใจนี้เวลามันตายไป มันจะไม่เกิดอีก แต่เวลาเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาแล้วตายไป แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา สอนอีก ๔๕ ปี

พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง แก้วสารพัดนึกนี้เป็นที่พึ่งของเรา สิ่งที่เป็นสมบัติทางโลกนี้เป็นสมบัติทางโลก เป็นเรื่องของโลกเขา เรื่องที่ว่าการประกอบความสำเร็จทางโลกแล้วเจริญรุ่งเรืองมา แล้วก็เป็นสมบัติของโลกเขา อันนี้เป็นสิ่งที่ว่ามันเป็นปัจจัยเครื่องอาศัย แต่ความจริง สิ่งที่จะอาศัยได้ตามความจริงต้องเป็นพระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

พระธรรม... องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม ธรรมอันนี้เข้าไปถึงใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชำระกิเลสออกไปทั้งหมด พ้นออกไปจากทุกข์ เห็นไหม ทุกข์ในหัวใจจะพ้นออกไปเลย พ้นออกไปแล้ว พอทุกข์พ้นแล้วพ้นเพราะอะไร?

เพราะตัณหาความทะยานอยาก สิ่งที่เป็นตัณหาความทะยานอยากไม่มีในหัวใจ จะไม่มีการเกิดอีก ตายชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย คนเราเกิดมาต้องตายทั้งหมดเลย แต่ตายแล้วทุกคนก็ต้องเกิดทั้งหมดเลย เว้นไว้แต่พระอรหันต์ กับพระอนาคามีที่ว่าไปเกิดบนพรหมแล้วสำเร็จไป นั้นเป็นเพราะว่าตายแล้วจะไม่ต้องเกิดอีก มันจะไม่เกิดมาให้รับภาระอย่างนี้อีก

ถ้าเราเกิดขึ้นมาอีก เห็นไหม เด็กเกิดใหม่ก็ต้องมาศึกษาเล่าเรียนวิชาชีพอีก ต้องมาทำวิชาชีพ ต้องหาที่ยืนในสังคมอีก เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไป เห็นไหม เลี้ยงปากเลี้ยงท้องเพราะคนเรามีปากมีท้อง มีปัจจัยที่ต้องอยู่ต้องอาศัย มีความเสมอภาคกัน ความเสมอภาคทางสังคม สังคมความเสมอภาคกัน แข่งขันกัน การแข่งขันนั้นว่าเป็นคุณงามความดี...

มันเป็นคุณงามความดีทางหนึ่งถ้าทำเป็นสุจริตธรรม แต่เป็นทุจริตธรรมขึ้นมา มันไม่เป็นคุณงามความดีหรอก มันเป็นบาปอกุศล สิ่งที่เป็นบาปอกุศลทำให้ใจหมุนไปออกไป เวลาเชิดหน้าชูตา เขาว่าบางคน เห็นไหม คนเขาไม่ทำบุญกุศลเลย ทำไมเขาเจริญรุ่งเรืองมากนัก เราทำบุญกุศลของเรามหาศาลเลย ทำไมเรามีความทุกข์ความยาก

ความทุกข์ความยากเพราะคนมันรู้จักตัวเอง คนที่ว่าเขาไม่ทำบุญกุศล เขาประสบความสำเร็จ ความสำเร็จนั้นเป็นเรื่องของปัจจัย เรื่องของโลกเขา แต่เรื่องในหัวใจของเขา เขาจะทุกข์ร้อนขนาดไหนเขาไม่สนใจ เขาไม่ดูแล แต่เรานี่เราดูแลหัวใจของเรา เรารักษาหัวใจของเรา ทำไมเราทุกข์ยาก

เราย้อนกลับเข้ามาในใจของเรา เราดูแลของเรา เรารู้ของเรา เหมือนคนเป็นไข้คนเป็นโรค แล้วรู้จักว่าเป็นโรค จะมีโอกาสรักษา คนที่เป็นไข้เป็นโรคแล้วไม่รู้จักรักษาเลย เพลินไปกับโลกเขา สุดท้ายแล้วต้องตายไป

นั่นโรคของใจ พระรัตนตรัยสอนตรงนี้ไง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์สอนมาที่ใจ พึ่งตนเองได้ต้องพึ่งใจได้ ใจต้องมีความสุขขึ้นมาก่อน เราจะมีความสุขของเราขึ้นมา ถ้าใจยกขึ้นมาได้ มีความสุข

มีความสุขเพราะอะไร? เพราะว่าย้อนกลับมาบังคับใจของตัวเองได้ เวลามันเร่าร้อนไม่มีใครเร่าร้อนกับเรานะ ใจนี้เร่าร้อนเราคนเดียว ทุกข์มันทุกข์อยู่ของมันคนเดียว เพราะมันไม่มียาแก้

สภาวธรรม เห็นไหม นี่ตรัสรู้ธรรม พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งของใจ “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต” ใจกับธรรมจะเป็นอันเดียวกัน สิ่งที่เป็นอันเดียวกันมันจะเจือจานสิ่งนี้ได้ พอเจือจานสิ่งนี้ได้ มันจะแก้ไขสิ่งนี้ได้ แล้วจะปลดเปลื้องไป นี่แก้วสารพัดนึก

ถ้าพึ่งตนเองได้ ต้องพึ่งตนเองอย่างนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พึ่งตนเอง ให้ใจพึ่งตนเอง ให้ใจยืนขึ้นมาได้ ไม่ต้องเกาะเกี่ยวไปกับใคร อยู่โดยลำพังของตัวเอง เห็นไหม เพราะมันไม่สัมพันธ์กับใครแล้ว มันตายแล้วมันถึงไม่เกิดอีก

แต่ใจเรานี่มันสัมพันธ์ มันเกาะเกี่ยว เวลาพ่อแม่ห่วง เห็นไหม ห่วงลูก ห่วงพ่อ ห่วงแม่ ห่วงไปหมดเลย ห่วง เห็นไหม บ่วงของมาร สิ่งนี้ รูป รส กลิ่น เสียงนี่เป็นบ่วง บ่วงของมาร มารจะเกาะเกี่ยวกันไป มันเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติมันมีอยู่ สิ่งนี้เราปฏิเสธไม่ได้ มันมีอยู่ แต่ต้องจับสิ่งนี้แล้วพิจารณาไง จับสิ่งนี้แล้วแก้ไขสิ่งนี้ขึ้นไปให้เห็นตามเป็นจริง ให้เป็นสภาวธรรม

ถ้าเป็นสภาวะโลกนั่นถูกต้อง เครื่องอยู่อาศัย การกตัญญูรู้คุณนี่ก็เป็นธรรม ธรรมอย่างหยาบๆ การกตัญญูกตเวที การเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่

การเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่นี่เป็นการประพฤติปฏิบัติ เป็นการทำคุณงามความดีทั้งหมด แต่ถ้าพ่อแม่ปฏิบัติด้วย พ่อแม่เห็นธรรมด้วย เราจะว่าเราเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่นะ ถ้าเราเชื่อในศาสนา ศาสนาบอกว่า “มีชาตินี้ มีชาติหน้า มีเมื่อวานนี้ มีวันนี้ แล้วมีพรุ่งนี้”

นี่ก็เหมือนกัน การเกิดต่อของภพชาติจะมีต่อไป ถ้าใจมีบุญกุศลเข้าไป เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ไม่ใช่เลี้ยงเฉพาะชาตินี้ เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ตั้งแต่ชาตินี้ด้วย ชาติหน้าด้วย เพราะอะไร? เพราะใจมันได้สมบัติของมันไป

สิ่งที่ใจได้สมบัติของเขาไป ของเขานี่มันเป็นประโยชน์ต่อชาติหน้า เห็นไหม เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ข้ามภพข้ามชาติ กับเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ในชาติปัจจุบันนี้ เราเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ไป กตัญญูกตเวทีนี่มันเป็นบุญกุศลของเรา แต่พ่อแม่ได้อะไร? ก็ได้ความสุขจากลูก มีความสุขจากลูก แต่ถ้าเราปฏิบัติธรรม สอนให้พ่อแม่ปฏิบัติธรรม เห็นไหม ให้กำหนดพุทโธ พุทโธขึ้นมา ทำใจให้สงบ ใจของมันมันฟุ้งซ่านไป มันหมุนเวียนออกไป มันทุกข์ยากมาก

“สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นต้องดับไปเป็นธรรมดา”

แต่ตัวเองจะดับก่อน เห็นไหม เวลาตัวเองจะตาย มันจะอาลัยอาวรณ์นะ มันจะเป็นทุกข์เป็นยากไปหมด มันจะติดพันไปหมดเลย มันติดพันไปเพราะอะไร? เพราะมันรักตัวมันเอง สงวนตัวมันเอง ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องตาย ถึงเวลาแล้วเราจะต้องไป

พอเราจะต้องไป คิดแต่ห่วงคนอื่นๆ ห่วงคนอื่น เห็นไหม มันไม่ปลดเปลื้องใจของตัวเอง แต่ถ้ามันปลดเปลื้องใจของตัวเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ โลกมันต้องเป็นอย่างนี้ เราต้องเป็นสภาวะเป็นอย่างนี้ แล้วเรามีสมบัติออกไปไหม? มันเป็นธรรมดา เห็นไหม

สิ่งใดๆ มันเคลื่อนไหวไป มันต้องเคลื่อนไหวไปข้างหน้าตลอดไป มันไม่มีอะไรคงที่หรอก สภาวธรรมเป็นแบบนี้ นี้คือเป็นสัจจะความจริง แล้วเราไปขวางนะ เราไปขวางเราไปยึด เราไปยึดสัจจะความจริง ว่าเหนี่ยวรั้งไว้ให้สมความปรารถนาของตัว ตายเปล่า!

ตายเปล่าเพราะเราไม่รู้ความจริง เห็นไหม ไม่มีแก้วสารพัดนึก ไม่มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ในหัวใจ ถ้ามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ในหัวใจ จะเข้าใจว่าสภาวธรรมเป็นแบบนี้ มันจะเป็นแบบนี้ แล้วใจเราหวั่นไหวไหม?

ใจเราหวั่นไหวต้องแก้ที่ใจ แก้วสารพัดนึกเป็นธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นสุตมยปัญญาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางไว้ เป็นจินตมยปัญญาที่เราจินตนาการขึ้นไป เป็นภาวนามยปัญญาของเราขึ้นมา เราแก้ไขของเราขึ้นมา เราพยายามทำของเราขึ้นมา เราแก้ไขสิ่งใดแล้วมันก็วางใจได้ๆ วางใจได้ก็ยอมรับได้ มันก็ไม่ดิ้นรนไป ใจมันสงบตัวลง สงบตัวลงแก้วสารพัดนึกมีอยู่ในหัวใจ

แล้วถ้ามันชำระกิเลสของเราไปได้ มันยิ่งเป็นแก้ว มันเป็นการพึ่งตัวเองโดยสัจธรรม พระสารีบุตรพึ่งตัวเองได้แล้วไม่เชื่อธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเชื่อธรรม ธรรมนั้นเป็นสภาวธรรม มันเป็นสภาวธรรมตามความเป็นจริง แต่จริงของผู้ที่เข้าถึง

เรายังเข้าไม่ถึงเราก็ไม่มีสภาวะความเป็นจริง ถ้าเราเข้าถึงเราจะมีสภาวะความเป็นจริงแล้วเราเข้าถึง พอเราเข้าถึง เข้าถึงด้วยวิธีการใด? ด้วยพยายามประพฤติปฏิบัติ ด้วยตามธรรม นี่ปฏิบัติบูชา

สภาวธรรม เห็นไหม เวลาการทำบุญกุศลขึ้นมา เดี๋ยวนี้กำลังมีความเจริญรุ่งเรืองมาก ที่ไหนต้องมีปฏิบัติธรรมๆ เพราะปฏิบัติบูชา เพราะตำราก็ว่าไว้อย่างนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ว่าไว้อย่างนั้น แล้วมันเป็นเหตุด้วย

ถ้าเรากินอาหารอยู่ เรามีสิทธิ์อิ่ม ถ้าคนหิวอยู่แล้วไม่กินอาหารเลย จะมีความทุกข์ยากไป มีแต่ความต้องการ มีแต่ความทะยานอยากแล้วไม่สมความปรารถนา เพราะไม่มีการประพฤติปฏิบัติ ถ้าการประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม พยายามทำใจของตัว ประพฤติปฏิบัติที่ไหนก็ได้ ที่อยู่ที่นอนของเราที่ไหนก็ได้ ที่บ้านก็ได้ ที่วัดก็ได้ ที่ไหนก็ได้ ขอให้ใจมันมีกำหนดพุทโธขึ้นมา แล้วมีปัญหาขึ้นมามันจะพัฒนาของมันไปเอง สิ่งที่พัฒนาไปเอง มันก้าวเดินไป

คนกินอาหาร เห็นไหม เริ่มต้นกินอาหารจากวันนี้ วันนี้กินอาหารอะไรก็ได้ เพราะมันหิวมันกระหาย ขอให้มันอิ่มขึ้นมาพอทรงธาตุขันธ์ไปเท่านั้นพอ แต่ถ้าพอมันกินมากเข้าไป มันจะรู้ว่าสิ่งนี้เป็นโทษ กินเข้าไปแล้วมันปวดท้อง สิ่งนี้เข้าไปไม่เป็นคุณ กินเข้าไปแล้วร่างกายไม่สบายมาก เหมือนกันเหมือนอาหารเหมือนกัน กินมากเข้าไปภาวนาไม่ลง ภาวนาไม่เป็นไป มันจะรู้ของมันเองแล้วมันจะคัดเลือกของมันเอง นี่การปฏิบัติธรรม

ถ้ามีเหตุ เหตุมันจะพัฒนาของมันไป พอพัฒนาของมันไป เราจะรู้ไป แล้วขอให้เราเชื่อธรรม เชื่อธรรมเชื่อพระไตรปิฎกไว้ก่อน สิ่งที่เข้ากับพระไตรปิฎกคือคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเป็นสาวกะ-สาวกภาษิตต้องดูก่อนว่าตรงความเป็นจริงไหม?

ในกาลามสูตร เห็นไหม ไม่เชื่อเพราะอาจารย์เราสอน ไม่เชื่อเพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน แต่พระสารีบุตรก็ไม่เชื่อ แต่ถึงเวลาแล้วมันเป็นธรรมขึ้นมา มันเชื่อ มันจะไม่เชื่อไปได้อย่างไรในเมื่อสัจจะมันเป็นความจริง

ทุกข์มันเกิดที่ใจ ทุกข์มันดับที่ใจ ถ้ามันดับขึ้นมา เราจะไม่เชื่อได้อย่างไร มันเกิดมันมีการดับในหัวใจเรา มันต้องเป็นความจริงอันนั้น ถ้าความจริงนั้นเกิดขึ้นมา จะไม่เชื่อสิ่งต่างๆ เลย เชื่อปัจจัตตัง เชื่อความสัมผัสของใจ ใจสัมผัสสิ่งใดมันจะเชื่อสิ่งนี้

สิ่งที่สัมผัสอยู่นี่ทุกข์ไหม? ทุกข์

ดับทุกข์ได้ไหม? ได้

ดับไม่ได้เพราะเหตุไร?

ทุกข์ไหม? ทุกข์

ทุกข์นี้ดับได้หรือยัง? ยังดับไม่ได้

ดับไม่ได้เพราะอะไร? เพราะเหตุมันไม่พอ

การประพฤติปฏิบัติเราไม่ถึงจุดหนึ่งมันจะไม่ถึงจุดนี้ มันถึงจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าถึงจุดหนึ่ง เห็นไหม มัชฌิมาปฏิปทา นี่เป็นของว่าประเสริฐสุด แล้วมันของละเอียดอ่อนมาก ในศาสนานี่ เป็นสมบัติของศาสนานะ ในศาสนาพุทธเรา อริยสัจนี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มัคคอริยสัจจัง มัคคา มรรคเป็นเครื่องดำเนิน ปัญญานี่ปัญญารอบรู้ในกองสังขาร ปัญญาความจริง ปัญญาในการชำระกิเลส ปัญญาอันนี้ถ้าเกิดขึ้นมา โลกนี้ไม่มี

สิ่งที่การศึกษาเล่าเรียนกัน โลกนี้มี เห็นไหม ศึกษากันไป คนเราศึกษาไปแล้วเห็นมีครูบาอาจารย์แล้วศึกษาต่อๆ กันไป จะส่งขึ้นมา ลูกศิษย์ก็ต้องเก่งกว่าอาจารย์ ลูกศิษย์เจริญรุ่งเรืองขึ้นไปเรื่อยๆ

แต่อันนี้ไม่มีทาง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่เป็นพระพุทธเจ้า ตรัสรู้แล้วรอบรู้โลกธาตุ แต่ผู้รู้ตามนี่รู้ตามเฉยๆ สะอาดบริสุทธิ์เหมือนกัน แต่จะรู้ไปแบบเหมือนกับทางโลกเป็นไปไม่ได้ แต่ทางโลกลูกศิษย์จะเก่งกว่าครูบาอาจารย์นี่มีมากเลย แต่ในเรื่องของธรรมนี้เป็นไปไม่ได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมเป็นพุทธวิสัย มีองค์เดียวเท่านั้น ไม่มีใครเสมอเหมือน ไม่มีใครสามารถเข้าถึงทางนี้ได้เลย อันนี้เป็นสัจจะความจริงแล้วเราก้าวเดินมา

โลกเป็นแบบนั้น ธรรมเป็นอีกส่วนหนึ่งของโลกเขา ถึงว่าเรื่องของโลกเรื่องการศึกษานะ เรื่องการศึกษาเล่าเรียน เรื่องที่อยู่อาศัยอยู่ในสังคมนั้นเป็นการยืนอยู่ได้ เป็นการพึ่งตนเองได้ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าการพึ่งตนเองของศาสนา เห็นไหม มีศาสนา มีความจริง มีทุกๆ อย่างพร้อม แต่เราจะเอาได้หรือเอาไม่ได้

ถ้าเราคว้าได้จะเป็นสมบัติของเรา ถ้าเราคว้าไม่ได้ เราจะไม่มีสมบัติใดติดมือไปเลย จะไม่มีอะไรติดมือไปเลย เรื่องเป็นบุญกุศลนี่เป็นอามิสทาน มันก็ดำรงไปอย่างนั้น ไปต่อไปมันก็วนเวียนไป ต้องวนกลับมา วนไปวนมา แต่ถ้าปฏิบัติธรรมแล้วชำระกิเลสแล้วขาด... ขาดอย่างเดียว กิเลสขาดออกจากใจ พระรัตนตรัยสมบูรณ์กับในหัวใจนั้น อันนั้นจะเป็นสมบัติของใจดวงนั้น เอวัง